วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตำนานของนางสงกรานต์

                ตำนานของนางสงกรานต์
                ตำนานของนางสงกรานต์นั้นได้มีการเล่าขานมาหลายอย่างมากมาย แต่ล่ะคนก็ว่ามาอย่างนู้น อย่างนี้ อย่างนั้น จึงรวบรวมแล้วพอได้ข้อมูลที่พอจะใกล้เคียงมาที่สุดมาฝากทุกคนกัน ก็จะรวบรวมพอได้ วิธีไล่หนู มาดังนี้ คือเมื่อนานมาแล้วนั้นมีบุตรของเศรษฐีผู้นึงชื่อ ธรรมบาลกุมาร ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถคือสามารถรู้ภาษาของนกนั้นเอง และได้เรียนไตรเพทจบ เมื่อมีอายุเจ็ดขวบก็ได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่างๆแก่มนุษย์ทั้งปวง ซึ่งในช่วงเวลาขณะนั้นโลกทั้งหลายนับถือท้าวมหาพรหมและกบิลพรมองค์หนึ่งว่า เป็นผู้แสดงมลคลแก่เหล่ามนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบิลพรหมได้ทราบนั้นก็ได้ลงมาถามปัญหา 3 ข้อและได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าถ้าแก้ได้ทั้งสามข้อนั้นจะตัดศรีษะแล้วเอามาบูชา
                หลังจากธรรมบาลกุมารนั้นได้รับปัญหามาทั้งหมด 3 ข้อแล้วนั้นก็ขอผลัดวันเป็นเวลา 7 วัน และเวลานั้นก็ล่วงลับไปแล้วเป็นเวลา 6 วัน ธรรมบาลกุมารนั้นก็ยังคิดไม่ได้ซ่ะทีว่าคำตอบนั้นมันคืออะไรจึงได้ทำการลงจากปราสาทไปนอนอยู่ใต้ต้นตาลสองต้น ซึ่งมีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียนั้นได้ทำรังอาศัยอยู่บนต้นตาล แล้วเมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนค่ำนกอินทรีตัวเมียนั้นถึงได้สามีว่าพรุ่งนี้จะหาอาหารได้จากแห่งใด สามีนั้นก็ได้ตอบกลับมาว่า ข้าจะรอกินศพธรรมบาลกุมารซึ่งจะโดนท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเพราะว่าไม่สามารถทายปัญหาได้นั้นเอง นางนกอินที่ตัวเมียนั้นเลยได้ถามกลับไปอีกว่าท้าวกบิลพรหม นกอินทรีผู้เป็นสามีเลยได้ตอบกลับไปว่าปัญหาที่ท่านถามนั้นเป็นปัญหาว่าเช้าราศรีอยู่แห่งใด เที่ยงราศรีอยู่แห่งใด ค่ำราศรีอยู่แห่งใด นางเลยถามว่า หนูกลัวอะไร ปัญหาทั้งสามนี้จะมีวิธีการแก้อย่างไร สามีเลยได้ตอบกลับไปว่า เช้าราศรีอยู่หน้ามนุษย์ทั้งหลายจึงนำเอาน้ำนั้นมาล้างหน้า เวลาเที่ยงราศรีนั้นจะอยู่ที่อก มนุษย์ทั้งหลายนั้นจึงได้นำเอาเครื่องหอมนั้นมาประพรมที่อก เวาค่ำราศรอยู่เท้า มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้าครั้งรุ่งขึ้นนั้นเมื่อกบิลพรหมถามปัญหา ธรรมกุบาลก็ได้ทำการแก้ปัญหาตามที่ได้ยินเจ้านกอินทรีทั้งสองนั้นพูดมาแก้ปัญหาของท้าวกบิลพรม

                หลังจากได้ฟังการตอบปัญหาแล้วนั้นท้าวกบิลพรหมจึ่งตรัสเรียกเทพธิดาทั้ง 7 อันเป็น กำจัดหนู บริจาริกาพระอินทร์มาพร้อมกัน ได้บอกว่าเราจะตัดศรีษะบูชาธรรมบาลกุมาล  เพราะว่าเรานั้นได้แพ้กับธรรมบาลกุมาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น